เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายและรุนแรงครั้งใหญ่ให้กับรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเผชิญอยู่กับไฟป่าที่ได้ถือเป็นไฟป่าที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแองเจลิส ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ยังระดมกำลังอย่างหนักเพื่อเข้าควบคุมไฟป่า
แต่การทำงานในครั้งนี้ ก็ทำเอาหลายคนต่างสงสัยไม่น้อยว่าทำไม ถึงไม่ใช้น้ำทะเลในการดับไฟ ทั้งที่ตัวเมืองตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
โดยหลายคนมองว่าน้ำจากทะเลน่าจะมาใช้ดับไฟได้รวดเร็วและง่ายที่สุด ซึ่งทาง Technology.org อธิบายว่า น้ำทะเลสามารถดับไฟได้ดีพอๆ กับน้ำจืด
แต่มีเหตุผลสำคัญบางประการที่ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่เลือกใช้น้ำทะเล เหตุผลแรกคือ อุปกรณ์ดับเพลิง เช่น ถังน้ำและอุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนใหญ่ผลิตจากโลหะที่สามารถเกิดการกัดกร่อนได้เมื่อสัมผัสกับน้ำเค็ม นั่นหมายความว่า อุปกรณ์ที่มีราคาสูงเหล่านี้
อาจถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงหากใช้น้ำทะเลในการดับไฟ นอกจากนี้ น้ำทะเลยังส่งผลเสียต่อพืชพรรณในพื้นที่
เกลือที่ตกค้างจากน้ำทะเลอาจทำให้ดินบริเวณนั้น กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งและไม่สามารถเพาะปลูกได้เป็นเวลาหลายปี
ดังนั้น แม้ว่าน้ำทะเลจะมีอยู่ใกล้และดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ง่าย แต่ผลกระทบระยะยาว ทั้งต่ออุปกรณ์
และสิ่งแวดล้อมกลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเลือกใช้น้ำจืดแทน กัปตันแลร์รี เคิร์ตซ์ จากหน่วยดับเพลิงแคลิฟอร์เนีย
ให้สัมภาษณ์กับ The Orange County Register ว่า หากเราต้องใช้น้ำทะเล สำหรับดับไฟในพื้นที่ห่างไกล
เราจำเป็นต้องสูบน้ำจากทะเล ขนส่งด้วยรถบรรทุกไปยังจุดที่ต้องการ เทลงในบ่อเก็บน้ำแบบพกพา
และจากนั้นค่อยสูบเข้าสู่ปั๊มเพื่อนำไปใช้ดับเพลิง การใช้เฮลิคอปเตอร์หรือเครื่องบินดับเพลิงแบบ ‘ซุปเปอร์ สคูปเปอร์’ ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย
กัปตันแลร์รีกล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ของเราต้องบินโฉบอยู่เหนือผิวน้ำประมาณ 3-4 ฟุตเพื่อสูบน้ำด้วยท่อดูด หากเกิดคลื่นสูงหรือคลื่นแรงปะทะกับตัวเครื่อง อาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้