หลายคนให้ความสนใจไม่น้อย ที่เมื่อวานก่อนทาง ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล รวมจำคุก 26 ปี ในคดี น้องชมพู่ ส่วนภรรยาให้ยกฟ้อง ต่อมามีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัว ลุงพล ชั่วคราว ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างฎีกา ยกคำร้อง

ล่าสุดวันนี้ (16ส.ค.68) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้ออกมาเปิดข้อมูลชัดๆ ทำไม ลุงพล ไม่รอด โดยระบุว่า #ลุงพลพูดอะไรศาลถึงไม่เชื่อ?

พยานครอบครัว (เด็กหญิง ก. — พี่ของผู้ตาย)
• จำเลยโต้: เด็กหายไปช่วงสั้นๆ ใครก็อุ้มได้ ไม่ชี้เฉพาะตน
• ศาลรับฟัง: เด็กหญิง ก. เบิกความว่า “ไม่ได้ยินเสียงร้อง” ขณะที่น้องหาย และโดยนิสัย เด็กจะร้องหากถูกคนแปลกหน้าอุ้ม ศาลจึงอนุมานว่า “ผู้พาเด็กไปเป็นคนใกล้ชิด/รู้จักดี”
เป็นฐานให้ตำรวจจำกัดกลุ่มเป้าหมายในหมู่ญาติ/คนคุ้นเคย 14 คน ก่อนตรวจตัดออกด้วยข้อมูลที่อยู่-สัญญาณมือถือ จนเหลือจำเลยที่ยืนยันไม่ได้ชัดเจนในช่วงเวลาเด็กหาย

ไปวัด–ภรรยาโทรบอก
• คำให้การฝ่ายจำเลย: เช้าวันเกิดเหตุ ลุงพลออกไปรับพระที่ วัดถ้ำภูผาแอก และ “ภรรยาโทรมาแจ้งระหว่างทาง” ว่าน้องชมพู่หาย จึงอ้างว่าไม่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุในช่วงวิกาลสำคัญ
• ดุลพินิจของศาลชั้นต้น: ศาลชี้ว่าในครอบครัวมีโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวซึ่งอยู่กับภรรยา “ย่อมโทรหาไม่ได้” อีกทั้ง “พระ บ.” ที่จำวัดเดียวกันเบิกความว่า เวลาประมาณ 10.00 น. ลุงพลมาถึงวัดและพูดว่า “หลานหาย เกือบไม่ได้ไปส่งพระ”
ทั้งที่ในขณะนั้น ลุงพลไม่มีโทรศัพท์ติดตัว จึง “ไม่น่าจะทราบข่าวได้” ข้ออ้างอัลไบจึงเป็น พิรุธ ไม่ช่วยจำเลยในประเด็นนี้ (ศาลยังรับน้ำหนักร่วมกับพยานบุคคลใกล้ทางขึ้นภูฯ และพยานวิทยาศาสตร์อื่นๆ)

พยานบุคคลใกล้จุดทางขึ้นภูเหล็กไฟ (นาย ว. และนาง พ.)
• จำเลยโต้/พยายามลดน้ำหนัก: โต้แย้งว่าพยานจำผิดเวลา และภายหลังหนึ่งในพยานกลับคำในศาลว่า “ไม่ได้เห็นจำเลย”
• ศาลประเมิน: รับฟังคำให้การ ชั้นสอบสวน ของพยานทั้งสองที่ระบุว่าเห็นจำเลยอยู่บริเวณ “สวนยางพารา” ซึ่งเป็นทางขึ้นภูเหล็กไฟ ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวเหตุ
ศาลยังชี้ “จำเลยเคยไปพูดกับนาย ว. ให้ปรับเวลาที่พบเป็น 07.00 น.” เพื่อลดความน่าสงสัย จึงเห็นเป็น ข้อพิรุธ ส่วนการกลับคำของนาง พ. หลังเหตุหลายปี “น่าเชื่อถือน้อยกว่า” คำให้การเดิมในชั้นสอบสวน จึงยังคงน้ำหนักต่อจำเลย

ผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ (ประเด็น “เส้นผม”)
• จำเลยโต้: พยายามตั้งข้อสงสัยถึงการเชื่อมโยง—เส้นผมในรถจะเกี่ยวกับจุดพบศพได้อย่างไร
• ศาลรับฟัง/ลงน้ำหนัก: ตรวจพบ “เส้นผม 16 เส้น” ในรถจำเลย โดย เส้นหนึ่ง มี “องศารอยตัด-หน้าตัด-พื้นผิวด้านข้าง” ตรงกับ เส้นผมของผู้ตาย สองเส้น ที่เก็บบนภูเหล็กไฟ
ศาลลงความว่า “ถูกตัดพร้อมกันด้วยของมีคมชนิดเดียวกัน” จึงเชื่อมเหตุ (ขึ้นรถ–ขึ้นเขา) เข้าหากันได้แน่นหนา ข้อโต้แย้งฝ่ายจำเลยจึงไม่สั่นคลอนน้ำหนักพยานผู้เชี่ยวชาญนี้

ผู้เชี่ยวชาญ mtDNA (ประเด็น “ป้าแต๋น”)
• จำเลยร่วม (จำเลยที่ 2) โต้: ปัดข้อหาเกี่ยวกับศพ
• ศาลวินิจฉัย: แม้ผล mtDNA จากเส้นผม 3 เส้นแถวจุดพบศพ “ตรงกับสายมารดาเดียวกับผู้ตาย” (จึง อาจตรงกับป้าแต๋น) แต่ mtDNA ระบุตัวบุคคลไม่ได้ ศาลจึง “ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ทั้งสองจำเลย” ในข้อหาทำการแก่ศพ/สภาพแวดล้อมก่อนชันสูตร (ยกฟ้องป้าแต๋นในชั้นต้น)

พนักงานสอบสวน/โครงสร้างคดี (ตัดข้อกล่าวหาว่า “มุ่งเป้า”)
• จำเลยโต้: โดยรวมพยายามตั้งข้อสงสัยว่าคดีถูกปักธง
• ศาลชี้: กระบวนสืบสวน “ไม่มุ่งเป้าจำเลยแต่แรก” แต่ค่อยๆ คัด 14 คน จาก ญาติ 12 + คนใกล้ชิด 2 ด้วยหลักฐานที่อยู่/สัญญาณมือถือ จนเหลือจำเลยเพียงคนเดียวที่ “อธิบายฐานที่อยู่ช่วงเวลาเด็กหายไม่ได้ชัดเจน” ข้อนี้เสริม “ภาพรวมความเชื่อมโยง” ว่าจำเลยเป็นผู้พาเด็กขึ้นเขา

ผลชั้นต้น (20 ธ.ค. 2566) ศาลพิพากษาว่า ลุงพลผิด 2 กระทง
• มาตรา 317 วรรคแรก (พรากเด็ก) จำคุก 10 ปี
• มาตรา 291 (ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย) จำคุก 10 ปี
รวม 20 ปี (ยกข้อหาอื่นทั้งหมดของจำเลยที่ 1; ยกฟ้อง จำเลยที่ 2) โดยศาลให้เหตุผลว่า “ไม่รับเจตนาฆ่า” แต่เห็นว่า “พาเด็กขึ้นเขาแล้วทอดทิ้งโดยประมาทจนถึงตาย” ทั้งยังบันทึกความเห็นแย้งของผู้บริหารศาลระดับภาคตาม ม.11(1) แนบไว้ในสำนวนด้วย (ความเห็นแย้งให้ยกฟ้อง)

สำนวนคดีนี้สืบพยานโจทก์ 47 ปาก และพยานจำเลย 20 ปาก เสร็จสิ้น ก.ค. 2566 ก่อนมีคำพิพากษาในเดือน ธ.ค. 2566 ข้อมูลนี้ช่วยให้เห็น “ฐานพยาน” ที่ศาลใช้ชั่งน้ำหนักในภาพรวมของชั้นต้น
เมื่อนำมารวมกัน ศาลจึงเห็นว่า จำเลยเป็นผู้พาเด็กขึ้นเขาแน่นอน ส่วนองค์ประกอบ “เจตนาฆ่า” ยังไม่ถึงจุดเชื่อโดยปราศจากสงสัยในชั้นต้น จึงลง ประมาทฯ + พรากเด็ก แทน
(ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 แก้เป็น “เจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผล” โทษรวม 26 ปี ซึ่งเป็นอีกประเด็นหนึ่ง) #ป้าแต๋น #ลุงพล #น้องชมพู่ #คดีลุงพล #คดีน้องชมพู่

ซึ่งทางด้านของศาลฎีกา จะตัดสินออกมาอย่างไรคงจะต้องรอติดตามกันต่อไป

ขอบคุณข้อมูล : ทนายคู่ใจ
บทความน่าอ่าน
นางบี ตอบชัด รับได้มั้ยที่ลูกชายคบกับผู้หญิงลูกติด 3 คน
ฮือฮาภาพล่าสุด “พลโทหญิง มาลี” ลงพื้นที่น้ำท่วม
นิกกี้ ณฉัตร ตอบแล้ว หลังเห็นโมเมนต์ ก้อย-ท็อป
ฮันโซฮี คอนเฟิร์มรับบทนำ ประกบนักแสดงรุ่นใหญ่
กรมอุตุฯ เตือนฉบับสุดท้าย พายุบัวลอยพัดถล่ม
ป้าแจ๋ว ยุทธนา โพสต์แจงแล้ว หลังมีดราม่า เทียบซีรีส์ดังกับละครตัวเอง
โสภณ ซารัมย์ ประกาศชัดจุดยืนเรื่องกัญชา
แอนนี่ บรู๊ค เผยสาเหตุ นำซิลิโคนหน้าอกออก หลังอยู่ในตัวมา 20 ปี
ได๋ ไดอาน่า ถึงกับต้องคุมสติ หลังได้รับสายจากแม่
สื่อลือแรง นักแสดงตัวแม่ แยกทางสามี หลังอยู่กันมา 19 ปี
รู้สาเหตุแล้ว ราคาทองคำพุ่งพรวด ทองแท่งทะยานทันตา
