เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของ อนิวัต ประทุมถิ่น หรือ “นารา เครปกะเทย” คอนเทนต์ครีเอเตอร์ อายุ 26 ปี ที่ถูกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊กและคอมเมนต์ข้อความใต้โพสต์ของตัวเอง เมื่อปี 2563

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงเหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน เห็นว่าจำเลยสำนึกผิดพร้อมที่จะปรับปรุงตัว
โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยให้คุมประพฤติ 1 ปี ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานทุก 3 เดือน และให้บำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง

🔴เห็นว่าสถาบันกษัตริย์เป็นต้นแบบแห่งการทำความดี การกระทำของจำเลยเป็นการบั่นทอนคุณค่าความดีของสถาบันฯ แต่จำเลยสำนึกผิดและพร้อมปรับปรุงตัวจึงให้รอการลงโทษ
เวลา 09.43 น. ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณา ก่อนอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดในข้อหามาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี

เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน พฤติการณ์แห่งคดี เห็นว่าโดยปกติของสังคมไทยทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ประชาชนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย แต่ต้องเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย การแสดงความเห็นนั้นสามารถกระทำได้เท่าที่ไม่ฝ่าฝืน มาตรา 34 แห่งรัฐธรรมนูญ

ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น เมื่อการใช้สิทธิกระทบกับสิทธิผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรอ้างได้ ก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย สถาบันกษัตริย์นั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน
เป็นต้นแบบแห่งการทำความดีและความเสียสละเพื่อสร้างค่านิยมคุณค่าความดีให้กับสังคม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยให้ยึดถือและปฏิบัติตาม

หากสังคมปราศจากคุณค่าความดี สังคมย่อมเกิดความวุ่นวาย การที่จำเลยใส่ร้ายป้ายสี ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ เป็นการบั่นทอนคุณค่าความดีและน้ำพระหฤทัย
เป็นการกระทำที่ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีทัศนคติที่ไม่ดีและมีทิฐิต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อนัดแรกของการสืบพยาน จำเลยให้การรับสารภาพ

แสดงให้เห็นว่าจำเลยสำนึกว่าสิ่งที่ตนกระทำนั้นเป็นการกระทำที่มิบังควร หลังจากถูกดำเนินคดีก็ไม่ได้กระทำผิดซ้ำอีก สื่อให้เห็นว่าจำเลยเริ่มมีความคิดที่ถูกต้อง
มีทัศนคติที่ถูกต้อง พร้อมที่จะปรับตัวเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและชดเชยในสิ่งที่ตนได้กระทำผิด อีกทั้งจากรายงานการสืบเสาะเห็นว่าจำเลยมีแนวโน้มการกระทำความผิดซ้ำอยู่ในระดับปานกลาง

โทษจำคุกจึงเห็นควรให้รอการลงโทษ 2 ปี โดยให้คุมประพฤติ 1 ปี และไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานทุก 3 เดือน เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติได้ควบคุมนิสัย
พฤติกรรมและการประกอบอาชีพ ให้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะรวม 24 ชั่วโมง ในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพและวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)

และไม่ให้จำเลยกระทำผิดซ้ำในลักษณะนี้อีกส่วนคำขอของอัยการโจทก์ที่ให้นับโทษต่อ เนื่องจากคดีนี้พิพากษารอการลงโทษ
จึงไม่สามารถนับโทษต่อได้ยกคำขอดังกล่าวผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษา ได้แก่ ระวีวรรณ หงษ์ขจร โพธิ์ทอง และ ฉัตรชัย เพ็ชรชนะ

ขอบคุณข้อมูล: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
บทความน่าอ่าน
นางบี ตอบชัด รับได้มั้ยที่ลูกชายคบกับผู้หญิงลูกติด 3 คน
ฮือฮาภาพล่าสุด “พลโทหญิง มาลี” ลงพื้นที่น้ำท่วม
นิกกี้ ณฉัตร ตอบแล้ว หลังเห็นโมเมนต์ ก้อย-ท็อป
ฮันโซฮี คอนเฟิร์มรับบทนำ ประกบนักแสดงรุ่นใหญ่
กรมอุตุฯ เตือนฉบับสุดท้าย พายุบัวลอยพัดถล่ม
ป้าแจ๋ว ยุทธนา โพสต์แจงแล้ว หลังมีดราม่า เทียบซีรีส์ดังกับละครตัวเอง
โสภณ ซารัมย์ ประกาศชัดจุดยืนเรื่องกัญชา
แอนนี่ บรู๊ค เผยสาเหตุ นำซิลิโคนหน้าอกออก หลังอยู่ในตัวมา 20 ปี
ได๋ ไดอาน่า ถึงกับต้องคุมสติ หลังได้รับสายจากแม่
สื่อลือแรง นักแสดงตัวแม่ แยกทางสามี หลังอยู่กันมา 19 ปี
รู้สาเหตุแล้ว ราคาทองคำพุ่งพรวด ทองแท่งทะยานทันตา
