จากกรณี ทักษิณ ชินวัตร เดินทางบินไปดูไบ ทางด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวีถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันที่ 9 กันยายน นี้ ศาลฎีกานักการเมืองจะพิจารณาคดี บค1/2568 หรือ บังคับคดีที่ศาลโทษจำคุก 8 ปีแล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษเหลือ 1 ปี

เป็นโทษสุดท้าย ว่า นายทักษิณ ได้รับการจำคุก 1 ปีแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาชัดเจนออกมา และตนคงตอบแทนศาล แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว จากที่ตัวเองคือหนึ่งในบุคคลที่เข้าไปนั่งฟังติดตามการไต่สวนพยานเกือบครบทุกปาก
คือ 35 ปาก จากที่ศาลไต่สวนไปทั้งหมด 37 ปาก คำให้การชัดเจนมาก และจากเอกสารต่างๆที่ถูกส่งศาลไป ซึ่งตนเคยเป็นประธานกรรมาธิการสอบ 12 ครั้ง จึงเห็นว่า “นายทักษิณ ยังไม่ได้รับการบังคับโทษ” เพราะในหลักฐานทั้งหมดชัดเจนว่าการบังคับโทษยังไม่เรียบร้อย
ดังนั้นเมื่อ นายทักษิณ ไปฟังคำพิพากษาแล้ว ก็ต้องกลับไปถูกบังคับโทษเหมือนเดิม แล้วถ้าเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์แบบนี้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง

กระบวนการยุติธรรมจะได้รับการยอมรับ ซึ่งขณะเดียวกัน การตัดสินในวันที่ 9 กันยายนนี้จะส่งผลทั้งตัว นายทักษิณ เอง และทั้งกระแสนิยมของพรรคเพื่อไทยด้วย
เพราะในข้อเท็จจริงคือ นายทักษิณ ไม่ได้หลบหนี เหมือนที่หลบหนีไป 17 ปีก่อนหน้านี้ ไม่ได้ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลา เหมือนที่เราเห็นทั้ง 180 วันโดยที่ไม่อยู่ในเรือนจำ
โดย นายสมชาย ยังได้อธิบายถึงอาการป่วยของ นายทักษิณ ที่เดิมทีแจ้งว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด จึงต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ

ซึ่งปกติแล้วหลังจากรักษาอาการนี้ 2-3 วันก็จะต้องถูกส่งกลับไปเรือนจำ แต่กลับไม่ส่งตัว ขออยู่ รพ.ตำรวจ ต่อ โดยอ้างว่ามีต้องรักษาอาการนิ้วล็อกและผ่าไหล่เนื่องจากบาดเจ็บ
ที่อาการเหล่านี้เป็นการเจ็บป่วยภายนอก สามารถพากลับมารักษาครั้งต่อไปได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด 180 วัน
ดังนั้นด้วยหลักฐานที่ตนสอบ จึงยืนยันได้ว่า นายทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง อีกทั้งยังมีข้อพิรุธเกี่ยวกับเลขห้องพักรักษาตัวของ นายทักษิณ บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ

ซึ่งในเอกสารที่ตนมีและจากการสอบ เพราะในรายงานของกรรมการสิทธิมนุษยชนที่ตนเป็นประธานและมี สว.ผู้ใหญ่ อดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรียุติธรรม
อดีตรองประธานสภา และหมอร่วมสอบ การให้การของกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่า นายทักษิณ ป่วยและรักษาตัวอยู่ในห้อง 1407 ซึ่งตรงกับคำให้การของพัสดีว่าเฝ้า นายทักษิณ ที่ห้อง 1407
แต่หลักฐานจากใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลที่ศาลได้เรียกมา ระบุว่า นายทักษิณ รักษาตัวอยู่ในห้อง 1404 ซึ่งอยู่คนละปีกตึกกับห้อง 1407 โดยมีแผนกพยาบาลขนาดใหญ่คั่นกลาง

ฝั่งนึงจะเป็นห้อง 1401-1406 และอีกฝั่งจะเป็นห้อง 1407-1411 และเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ นายทักษิณ จะเดินไปเดินมาระหว่างการรักษา
บวกกับมีหลักฐานที่ระบุชัดเจนว่าห้อง 1407 มีผู้ป่วยรายอื่นพักอยู่ในห้วงเวลานั้น อีกทั้งในใบเสร็จรับเงินที่ศาลตรวจสอบ
ไม่พบประวัติการรักษาโรคหัวใจที่เรียกว่าการให้บอลลูนสวนหัวใจ ไม่พบการเอ็กซเรย์ปอด ไม่พบการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG

แต่พบเพียงแค่การให้ยาลดความดันโลหิตสูง แล้วผลความดันก็ลดลง รวมถึงพบเพียงแค่การรักษาผ่านิวล็อก ซึ่งตามหลักแล้วใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สิบนาทีก็สามารถกลับบ้าน
และการรักษาผ่าหัวไหล่ขวาที่บอกว่าเป็นอุบัติเหตุใหม่ ก็เป็นอาการที่แพทย์ยืนยันในศาลว่านัดหมายมาวันไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเร่งทันที
และศาลได้ให้พยานกลางดูรายงานตัวยาทั้งหมดที่อ้างว่าเป็นยานอก แต่แท้จริงแล้วพยานกลางระบุว่าเป็นเพียงแค่วิตามิน ไม่ใช่ยานอก

ดังนั้นคำให้การที่ให้กับกรรมาธิการฯและให้การต่อศาลว่าพักอยู่ห้อง 1407 นั่นเป็นเท็จ ส่วนพยานที่เห็นว่า นายทักษิณ อยู่ห้อง 1404 ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ที่สามารถยืนยันได้ เพราะไปพบ 2 ครั้ง แถมยังยืนยันอีกว่า นายทักษิณ ไม่ได้แต่งกายในเครื่องแบบผู้ป่วย เพราะเห็นว่าใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อโปโลธรรมดา
สามารถเดินพูดคุยแข็งแรงและกินข้าวเหนียวมะม่วงด้วยกันได้ ต่างจากคำให้การของผู้คุมที่บอกว่า นายทักษิณ ป่วยขั้นวิกฤต ป่วยหนักตลอดเวลา
ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ อีกทั้งผู้คุมยังให้การอีกว่า นายทักษิณ สามารถไปอาบน้ำเองได้ แต่ในความเป็นจริงถ้าใช้คำว่าผู้ป่วยวิกฤต คือผู้ป่วยที่ต้องนอนอยู่บนเตียงและเช็ดตัวให้เท่านั้น

แล้วการที่บอกว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้ สิ่งที่ตามมาถ้านอนติดเตียง 180 วัน คือกล้ามเนื้อจะอ่อนแรง ลีบ ไม่สามารถหายภายใน 15 วัน
หลังจากที่ออกมาอยู่บ้าน แต่ขณะเดียวกันภาพที่เห็นคือ นายทักษิณ ไปร้องคาราโอเกะ ไปตีกอล์ฟ ไปขึ้นดอยที่เชียงใหม่ ไปงานศพ ไปไหว้สุสาน หรือนั่งกินน้ำมะพร้าวกับ สมเด็จฮุนเซ็น
อีกทั้งในเอกสารค่า ADL (Activities of Daily Living) หมายถึง การประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐานของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย
ที่ใช้ประเมินผู้ป่วยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งคะแนนเต็ม 20 โดยพยาบาลที่ให้คะแนน นายทักษิณ ระบุตัวเลขแค่ 9 คะแนน

หรือขั้นป่วยติดบ้าน คือ แต่งตัวเองไม่ได้ หวีผมเองไม่ได้ กินข้าวเองได้เล็กน้อยแต่ต้องมีคนคอยช่วย ไปไหนมาไหนก็ต้องคอยพยุงโดยใช้รถเข็น
ซึ่งตามหลักแล้วถ้าเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ควรจะได้รับพิจารณาแก่การพักโทษ นอกจากเรื่องอายุแล้ว ค่าADL จะต้องอยู่ที่ 18-20 คะแนน
นั่นหมายความว่าต้องทำกายภาพบำบัด แล้วไม่มีทางเป็นไปได้ที่คะแนนในห้วงเวลา 15 วันจะลดลงเหลือแค่ 9
และนอกจากนี้ ผู้คุมซึ่งมีหน้าที่ถ่ายรูปกับนักโทษเพื่อรายงานในไลน์ วันละ 4 ครั้งต่อ 1 ผลัดใน และวันนึงมี 3 ผลัดรวมแล้ว 12 ครั้ง ตลอด 180 วัน

โดยรายงานว่า นายทักษิณ อยู่ห้อง 1407 แต่จริงๆคืออยู่ห้อง 1404 ดังนั้นแล้วผู้คุมเฝ้าใครที่ห้อง 1407 จึงถือว่าเป็นพยานเท็จ
และนำไปสู่คำถามว่า “ตำรวจผู้คุม ได้คุมตัวนายทักษิณไปที่โรงพยาบาลตำรวจที่อ้างว่าเป็นเรือนจำได้จริงหรือไม่” หรือพยานที่เป็นผู้คุม ศาลไม่สามารถรับฟังได้เลย
ดังนั้น นายสมชาย ยืนยันในความคิดเห็นเท่าที่สามารถเปิดเผยได้ จากการไปรับฟังการไต่สวน คดีนี้มีปัญหาเรื่องพยานเอกสารและพยานบุคคล
จึงยืนยันได้ว่า นายทักษิณ ไปอยู่โรงพยาบาลโดยที่ไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ใช่การรักษาโรคต่อเนื่องตามที่อ้างตามมาตรา 55 จึงต้องกลับไปบังคับโทษเดิมตามคำพิพากษาสุดท้ายคือรับโทษ 1 ปี

ขอบคุณข้อมูล: amarintv
บทความน่าอ่าน
ไชยชนก สั่งสอบสวนข้อเท็จจริง สินบนสแกมเมอร์ 40 ล้าน
ทบ.เปิดตัวแม่ทัพคนใหม่ แม่ทัพไก่-แม่ทัพเติ่ง เผยดีกรีสุดว้าว
หมอเผยเคสสุดหิน ผ่าตัดหัวใจคนไข้สูงอายุ งานสุดท้ายในชีวิตราชการ
รู้ตัวแล้ว โครงกระดูกปริศนาบนตึกร้าง ฟังญาติเล่ายิ่งตกใจ
ส่องเลข นายกฯอนุทิน หลังขับเครื่องบินส่วนตัวทำภารกิจหัวใจติดปีก
พุทธิพงษ์ ถามตรงๆ คลั่งชาติหนักอะไรใคร ทำชาวเน็ตแห่เมนต์สนั่น
อ.เจษฎ์ ไขข้อสงสัย หินคล้ายงูยักษ์ จ.เพชรบูรณ์ เกิดจากอะไร
ธรรมนัส สวนเดือด แฉกลับ อนุสรณ์ กลางสภา
อนุทิน เดือด แฉเบื้องหลังถูกกดดันให้พ้น มท.1 สมัยรัฐบาลแพทองธาร
เปิดสาเหตุ หนุ่มราดน้ำมันจุดไฟเผาตัวเอง จนอาการสาหัส
รู้สาเหตุแล้ว ราคาทองคำพุ่งพรวด ทองแท่งทะยานทันตา
