การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ประเด็นเรื่องวัคซีนมักจะเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอ ล่าสุด สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ออกมาเเชร์โพสต์ของบุคลากรทางการเเพทย์ พร้อมกับตั้งคำถามว่าทำไมด่านหน้าไม่ได้รับไฟเซอร์ว่า “ทำไมยังเกิดขึ้น ?#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
“บันทึกรอยแผลของช่วงชีวิตนี้ไว้ในความทรงจำท้ายที่สุดของการรอคอยอย่างมีความหวัง คือด่านหน้าอย่างพวกเรา…ยังคงถูกปฏิเสธการฉีดวัคซีนเหลือเชื่อจริงๆที่รายชื่อด่านหน้าไม่กี่ตึกรวบรวมยากเย็นเห็นรายชื่อคนที่ได้รับแล้วเราเจ็บปวดใจแทนด่านหน้าทุกคน

ที่กัดฟันสู้เพื่อโรงพยาบาล อุทิศชีวิตเดียวที่มีนี้เพื่อคนไข้ บางคนไม่ได้ทำงานในรพ.แล้วด้วยซ้ำ บางคนคือใครจากไหนไม่รู้เราสงสารตัวเองที่เชื่อมั่นว่าผู้บริหารจะเห็นคุณค่าของพวกเรา แต่กลับปล่อยให้สิทธิที่เราควรได้รับถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา

หรือจริงๆแล้วเห็นความเป็นความตายของเราเป็นเรื่องตลกร้าย เรามีกันแค่คนละหนึ่งชีวิตและเป็นคนที่คลุกคลีกับคนไข้โควิดจริงๆ แล้วเราควรเรียกร้องหาความยุติธรรมได้จากใคร นาทีนี้ยอดสะสมคนไข้เป็นแสน ทุกคนเสี่ยง แต่จริงๆแล้ว priority คืออะไร คือใคร งงไปหมดแล้ว
ตอนนี้คนหน้างานเหนื่อย สะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจเหลือเกิน ยังจะให้เขาเดินต่อไปข้างหน้าด้วยภูมิคุ้มกันที่เปราะบางนี้จริงหรือ ตอนนี้พวกเรากำลังเฝ้าคนไข้โควิดตรงหน้า
ในขณะที่ใครต่อใครกำลังได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพนั้นและคิดว่าทำไมการที่เราต้องการเพียงความปลอดภัยเพื่อที่จะไปดูแลคนไข้ต่อมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้”*****

“หมดใจ หมดศรัทธาแต่เดิมถูกละเลยอยู่แล้ว ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อคนไข้ เพราะเบื้องบนไม่เคยจะช่วยบรรเทาเหตุการณ์ที่หนักหน่วงได้เลย ตอนนั้นคนไข้โควิดค้างในอีอาร์20กว่าเคส ไหนจะเคสฝากบลาๆ เกย์ออกซิเจนหมด ทางรพ.ไม่สามารถจัดสรรมาให้ได้ทันที

เราก็ต้องขอรับบริจาคมาทันทีเพราะคนไข้เรารอไม่ได้ อุปกรณ์ N95 face shield ในวอร์ดหมด พวกเราก็ต้องหาซื้อมาใช้กันเองให้ได้ จนมาวันนี้แหล่ะมันเกินไป รพ.ได้รับไฟเซอร์มาเพื่อให้บุคลากรด่านหน้าที่ต้องดูแลคนไข้โควิดต่อ

กลับไม่ได้รับความยุติธรรม เมื่อรายชื่อผู้มีสิทธิ์ฉีดไฟเซอร์ออกมา รายชื่อคนด่านหน้าตกหล่น ทางรพ.ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาใหม่โดยไม่อิงตามของทาง สธ. ทำให้วัคซีนที่นำเข้ามาเพื่อให้ด่านหน้า กลับถูกใครไม่รู้
ที่ไม่เคยแม้แต่เคยเจอคนไข้โควิดหรือไม่รู้จักชุดPPEด้วยซ้ำมาสวมรอยขโมยวัคซีนไป เมื่อตั้งคำถามกับทางผู้บริหารกลับได้คำตอบคือความเงียบ แบบนี้จะให้เราชาวด่านหน้ารู้สึกยังไง ไม่ใช่ว่าคุณไม่ควรได้รับวัคซีนนะ
แต่คุณควรลำดับความสำคัญ หรือมีจิตสำนึกด้วยว่าใครควรได้ฉีดก่อนและใครรอได้ แล้วใครจะดูแลคนไข้ของเราหากบุคลากรด่านหน้าไม่มีอีกต่อไป…””
ขอบคุณข้อมูล:สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว