ผู้เชี่ยวชาญชี้ 4 ปัจจัยหลัก ที่ทำให้พื้นถนนทรุดตัวกะทันหัน

โดยวันนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เป็นหลุมกว้าง 30×30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

โดยในคลิป How Do Sinkholes Form? จากช่องยูทูบ PracticalEngineeringChannel ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า การทรุดตัวลักษณะนี้เกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติที่คล้ายกับ “ซิงโฮล” หรือ “โพรงยุบ” ซึ่งมี 4 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดขึ้น ได้แก่

1. การกัดเซาะ (Erosion) – เมื่อดินหรือหินใต้พื้นผิวค่อยๆ ถูกน้ำชะล้างออกไป จะเกิดเป็นโพรงใต้ดินโดยที่เราไม่รู้ตัว จนเมื่อโพรงนั้นขยายใหญ่เกินกว่าจะรองรับน้ำหนักด้านบนได้ พื้นดินจึงยุบตัวลงมาในที่สุด

2. น้ำ (Water) – น้ำฝนหรือน้ำใต้ดินมีบทบาทสำคัญในการละลายหินบางชนิด เช่น หินปูน หรือดินที่ละลายน้ำได้ เมื่อเวลาผ่านไป น้ำจะค่อยๆ ขยายโพรงใต้ดินให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

3. ท่อประปาหรือท่อน้ำรั่ว (Pipes, Underground Infrastructure) – ท่อที่รั่วหรือโครงสร้างใต้ดินที่ชำรุด จะปล่อยน้ำออกมาในชั้นดิน ซึ่งทำให้การกัดเซาะเกิดได้เร็วขึ้น น้ำที่รั่วจากท่อสามารถซึมเข้าไปใต้พื้นถนนหรือโครงสร้าง ทำลายชั้นดินรองรับ ถ้าท่อเหล่านั้นอยู่ใกล้จุดที่รับน้ำหนักมาก (เช่น ถนน) จึงมีโอกาสสูงที่พื้นถนนจะยุบ

4. หลายปัจจัยร่วมกัน (Conclusion) – โดยสรุปการทรุดตัวของถนนมักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งน้ำ, การกัดเซาะ และโครงสร้างใต้ดินที่ชำรุด ซึ่งอาจใช้เวลาสะสมหลายปีโดยไม่มีสัญญาณเตือน จนกระทั่งพื้นดินทรุดลงในที่สุด

เหตุการณ์เช่นนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการตรวจสอบ และบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคใต้ดินอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการก่อสร้างหรือระบบท่อจำนวนมาก เพราะแม้แต่การรั่วซึมเพียงเล็กน้อย ก็อาจนำไปสู่ความเสียหายครั้งใหญ่ได้อีกในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ประชาชนสังเกตความผิดปกติ เช่น พื้นถนนทรุด เสียงน้ำไหลใต้ดิน หรือรอยร้าวใกล้บ้าน และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

แม้ “ซิงโฮล” หรือ “โพรงยุบ” จะดูเหมือนเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่ในหลายกรณีก็สามารถป้องกันได้เช่นกัน หากมีการดูแล ตรวจสอบ และซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ และท้องถิ่นร่วมกัน